แฟนพันธุ์แท้ NBA พูดทั้งน้ำตาถึงความในใจที่ได้สูญเสียครั้งใหญ่


แฟนพันธุ์แท้ NBA พูดทั้งน้ำตาถึงความในใจที่ได้สูญเสียครั้งใหญ่ในวงการ
แฟนพันธุ์แท้ NBA พูดทั้งน้ำตาถึงความในใจที่ได้สูญเสียครั้งใหญ่ในวงการ

แฟนพันธุ์แท้ NBA พูดทั้งน้ำตาถึงความในใจที่ได้สูญเสียครั้งใหญ่ในวงการ บาสเกตบอส

แฟนพันธุ์แท้ NBA พูดทั้งน้ำตาถึงความในใจที่ได้สูญเสีย
แฟนพันธุ์แท้ NBA พูดทั้งน้ำตาถึงความในใจที่ได้สูญเสีย
แฟนพันธุ์แท้ NBA พูดทั้งน้ำตาถึงความในใจที่ได้สูญเสียครั้งใหญ่ในวงการ บาสเกตบอส “Heroes Come and Go, But Legends are Forever.” แฟนพันธุ์แท้ NBA พูดทั้งน้ำตาถึงความในใจที่ได้สูญเสียครั้งใหญ่ในวงการ
บาสเกตบอสประโยคนี้ เชื่อว่าหลายคนคงคุ้นตา และเคยอ่านอย่างแน่นอน เพราะเป็นประโยคที่แสดงถึงความเป็นตัวตนของยอดตำนานบาสเกตบอล NBA “โคบี บีน ไบรอันท์” หรือที่เรารู้จักกันสั้นๆว่า “โคบี ไบรอันท์” แม้ว่าตัวของโคบีนั้นจะจากโลกนี้ไปอย่างไม่มีวันกลับ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม 2020
ด้วยอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตก พร้อมกับ จิอานนา ไบรอันท์ ลูกสาวคนที่สอง วัย 13 ขวบ ที่กำลังเริ่มต้นเส้นทางบาสเกตบอลหญิงก็ตาม
อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นครั้งนี้ เชื่อว่าไม่มีใครตั้งตัวกันทัน ไม่มีใครคาดฝัน และที่สำคัญ ไม่มีใครอยากให้เกิด เพราะมันเร็วเกินไปและไม่ทันตั้งตัว จนกลายเป็นเรื่องช็อกแฟนๆบาสเกตบอล รวมถึงแฟนๆกีฬาชนิดอื่นทั่วโลก
แม้แต่ตัวนักกีฬาเอง ไม่ว่าจะบาสเกตบอลหรือกีฬาอื่นๆ พวกเขาบอกได้แต่เพียงว่า “มันเร็วเกินไป และไม่ทันตั้งตัว”
ด้วยเหตุดังกล่าว จึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจเลยว่า การเสียชีวิตของ โคบี ไบรอันท์ ทำให้ผู้เล่นหลายคนที่ผูกพันกับเขา ต่างไม่สามารถที่จะเล่นในเกม NBA หลังการเสียชีวิตเพียงไม่กี่ชั่วโมงได้ ไม่ว่าจะเป็น คายรี เออร์วิง ของบรูคลิน เน็ตส์

แฟนพันธุ์แท้และ เจสัน เททัม จากบอสตัน เซลติกส์ ซึ่งให้เหตุผลว่า “ทำใจไม่ได้ และสภาพจิตใจไม่พร้อมที่จะเล่น” เนื่องจากทั้งคู่นั้นเกิดมาโดยที่มีโคบีเป็นต้นแบบ

ส่วนคนที่ลงเล่นได้ ไม่ว่าจะเป็นรุกกี้ร้อยล้าน ไซออน วิลเลียมสัน ดราฟท์เบอร์ 1 NBA ปี 2019 จากนิวออร์ลีนส์ เพลิแกนส์ ก็ได้เปิดใจหลังเกมว่า ขออุทิศการเล่นครั้งนี้ให้กับโคบี ด้วยนัยน์ตาแดงก่ำขณะให้สัมภาษณ์
เฉกเช่นเดียวกับ เดเมียน ลิลลาร์ด การ์ดจอมลุยของพอร์ทแลนด์ เทรลเบลเซอร์ส ที่แม้ว่าจะทำ 50 คะแนนในเกมที่ชนะอินเดียน่า เพเซอร์ส แต่ก็ออกมาให้สัมภาษณ์หลังเกมด้วยนัยน์ตาแดงก่ำเช่นกัน พร้อมบอกว่า เขาไม่ได้สนเรื่องการทำคะแนน
และให้สัมภาษณ์แต่คุณงามความดีของโคบี ไบรอันท์ ฮีโร่ของตนเอง แม้กระทั่งหนึ่งในผู้เล่นที่ถูกขนานนามว่า “G.O.A.T.” หรือ “ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล” อย่าง ไมเคิล จอร์แดน ก็ถึงกับช็อกในการจากไปของโคบี
โดยกล่าวให้สัมภาษณ์ด้วยอารมณ์เศร้าว่า “ผมไม่มีอะไรจะพูดและอธิบายได้ มันเจ็บปวดสำหรับผมมากๆ เพราะโคบีนั้นเปรียบเสมือนน้องชายของผม”
ไม่เพียงแค่จอร์แดน แต่แทบทุกคนในวงการ NBA ต่างโพสต์ หรือให้สัมภาษณ์รำลึกถึงโคบี ไบรอันท์ ไม่เว้นแม้แต่วงการฟุตบอลที่ คริสเตียโน โรนัลโด หรือ ลิโอเนล เมสซี ต่างก็สดุดีและเสียใจการกับการจากไปของโคบี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เนย์มาร์ นักเตะค่าตัวแพงที่สุดในโลกจากปารีส แซงต์-แชร์กแมง
ที่หลังจากยิงประตูในเกมกับลีลล์ วันเดียวกับที่โคบีเสียชีวิต ก็ได้ชูนิ้วเลข 2 และ 4 ขึ้น ซึ่งก็คือหมายเลข 24 เบอร์เสื้อของโคบี ไบรอันท์ เพื่อเป็นการอุทิศการยิงประตูนี้ให้กับขวัญใจในวงการแม่นห่วงของเขา
ในมุมมองของผมนั้น คำที่โคบีบอกว่า “ฮีโร่มาแล้วก็ไป แต่ตำนานนั้นคงอยู่ตลอดกาล” (Heroes Come and Go, But Legends are Forever.) นั้นไม่ผิดเพี้ยน เพราะสิ่งที่โคบีทำในสนามและนอกสนามนั้น
แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนที่เข้าถึงได้ และเป็นมนุษย์ที่มีความพยายามที่จะไปให้ถึงในจุดที่สุดยอด ให้ไปถึงในจุดที่จะทำให้ทุกๆคนยอมรับ และมันปนกับความสมหวัง ผิดหวัง คละเคล้ากันไป
ถ้านับว่านักกีฬาบาสเกตบอล NBA คือไอดอลของเด็กๆในสังคมอเมริกันแล้ว ความผิดพลาดเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะข่าวด้านลบของนักบาสเกตบอลที่ออกมา ทำให้นักบาสหลายคนกลายเป็นดาวดับ ไม่มีที่ยืนในสังคม NBA แต่สำหรับโคบี ไบรอันท์ นั้นผ่านมาทุกรสชาติทั้งหมดแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นการได้แชมป์ NBA 5 สมัย เบอร์เสื้อได้รับการรีไทร์ถึง 2 เบอร์ ประสบความสำเร็จทั้งในและนอกสนาม แต่ก็เกือบล้มเหลวกับชีวิตคู่ ที่ “วาเนสซา” ภรรยาเกือบจะฟ้องหย่า เนื่องจากมีคดีข่มขืนที่เป็นข่าวครึกโครม

แฟนพันธุ์แท้

รวมถึงการมีปากเสียงกับ “แชค” หรือ ชาคีล โอนีล จนมองหน้ากันไม่ติดสมัยที่อยู่ทีมแอลเอ เลเกอร์ส ด้วยกัน รวมถึงยังมีข่าวฉาวควบคู่กับข่าวการทำความดีเพื่อสังคม และเพื่อเด็กๆเยาวชนในสหรัฐอเมริกาอย่างต่อเนื่องตลอดอาชีพ
สิ่งต่างๆเหล่านี้คือสิ่งที่บ่งบอกว่า “ฮีโร่ก็คือมนุษย์ ที่มีความผิดพลาดได้” และนั่นทำให้โคบีเป็นฮีโร่ที่มากกว่าฮีโร่ทั่วไป
เพราะเมื่อร่วงตกสู่หลุมแล้ว เขายังสามารถกลับขึ้นมาได้ รวมถึงยังเป็นฮีโร่ที่มีความเป็นมนุษย์อยู่เต็มเปี่ยม ที่มีทั้งด้านคนสรรเสริญและด้านที่คนคอยจับผิด
ชื่อ “โคบี” ถูกตั้งขึ้นตามชื่อของเนื้อโกเบ (Kobe) เนื้อสเต็กชั้นยอดจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่ง “โจ” คุณพ่อของเขาไปรับประทานในร้านอาหารที่มีเนื้อสเต็กชนิดนี้ จนติดใจและนำมาตั้งเป็นชื่อบุตรชาย โดยโคบีในวัยเด็กนั้นต้องย้ายจากสหรัฐอเมริกาตั้งแต่อายุเพียง 6 ขวบ
เพื่อตามคุณพ่อซึ่งไปเล่นบาสเกตบอลอาชีพที่อิตาลี นั่นทำให้ทักษะการเอาตัวรอดของโคบีนั้นเกิดขึ้นตั้งแต่เด็กๆ ไม่ว่าจะเป็นการหัดภาษาอิตาลี รวมถึงภาษาสเปน เพื่อใช้ในการสื่อสารที่อิตาลี และกับทีมเมตของคุณพ่อ ซึ่งนั่นทำให้โคบีนั้นรู้จักการปรับตัว การเอาตัวรอดได้อย่างมากมาย
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าว่า เรื่องดังกล่าวทำให้โคบีนั้นผูกพันกับอิตาลีมาก โดยนอกจากบาสเกตบอลที่คุณพ่อหัดให้ตั้งแต่เด็กๆแล้ว เขายังไปเตะฟุตบอลกับเด็กๆในอิตาลี จนถึงขั้นเคยให้สัมภาษณ์ว่า “ผมอยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพมากๆนะ ผมเคยฝันนะว่าถ้าผมไม่ได้เล่นบาสเกตบอล และผมใช้ชีวิตอยู่ที่อิตาลี
ผมจะพยายามเป็นนักฟุตบอลอาชีพให้ได้ และทีมที่ผมจะเล่นก็คือเอซี มิลาน อย่างไม่ต้องสงสัยเลย ผมอยากจะเป็นเหมือน ‘โรนัลดินโญ่’ และ ‘แฟรงค์ ไรจ์การ์ด’ ไง” นั่นคือสิ่งที่โคบีบอกหลังจากรีไทร์
ชีวิตของโคบีในการเล่น NBA ช่วงแรกนั้นถือว่าถูกจับตามองเป็นอย่างมาก ท่ามกลางเสียงนินทาทั้งเอาใจช่วยและคอยซ้ำเติม “ไอ้เด็กวัย 18 คนนี้จะประสบความสำเร็จใน NBA จริงหรือ?”, “เจอร์รี เวสต์ ตาถึงจริงหรือ?
กล้าได้กล้าเสียเอาเด็กคนนี้แลกกับเซนเตอร์?” หลายเสียงครหามากมายตามมาอย่างไม่หยุดหย่อนในวันที่แอลเอ เลเกอร์ส ประกาศคว้าตัวเด็กหนุ่มวัยไม่ถึง 18 ปี ดีกรีดราฟต์อันดับที่ 13 ปี 1996 เข้าสู่ทีม
โดยที่ต้องส่ง วลาด ดิวัช เซนเตอร์ตัวเก่งของทีมในตอนนั้นให้กับชาร์ล็อตต์ ฮอร์เน็ตส์ ทีมที่ดราฟต์ตัวไว้เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้าเป็นการแลกเปลี่ยน
แน่นอนว่าในปีแรกนั้น โคบีต้องยอมรับบทบาทเป็นตัวสำรอง ซึ่งเขาทำแต้มได้เพียง 7.6 แต้มต่อเกมเท่านั้น แต่ด้วยความที่เขามีนิสัยการเอาชนะ การเอาตัวรอด และความไม่ยอมแพ้ที่ถูกปลูกฝังตั้งแต่อยู่ที่อิตาลี
เจ้าตัวจึงได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อหลังจบฤดูกาลว่า “ผมไม่ยอมแพ้กับ NBA หรอก ผมจะแสดงให้ทุกๆคนเห็นเอง”
โคบีเปลี่ยนเอาคำดูถูกที่หลายคนคิดว่าเขาเป็นของปลอม และจะไม่สามารถเอาตัวรอดได้กลับกลายเป็นพลัง ด้วยการซุ่มฟิตซ้อม ทั้งการเพิ่มกล้ามเนื้อร่างกาย การเพิ่มทักษะต่างๆให้ติดตัว แม้ว่ามันจะไม่ได้ผลิดอกออกผลในช่วง 3 ปีแรก
ของการเล่นอาชีพ แต่ก็ทำให้โคบีที่เก่งขึ้นได้ประสานงานกับ ชาคีล โอนีล พาเลเกอร์สคว้าแชมป์ NBA 3 สมัยติดต่อกันระหว่างปี 2000-2002
ก่อนที่เจ้าตัวจะคว้าแชมป์อีก 2 สมัยติดในปี 2009-2010 รวมเป็นแชมป์ NBA 5 สมัย พร้อมกับรางวัล เกียรติยศ สถิติต่างๆ อีกมากมาย

แฟนพันธุ์แท้

แม้ว่าจะเป็นฮีโร่ของแฟนๆก็ตาม แต่สิ่งที่โคบีต้องเผชิญไปพร้อมกันนั้น คือการถูกนินทาในเรื่องความเห็นแก่ตัวในการเล่น
การต้องการเป็นจุดเด่น จนทำให้แชค รวมถึงหลายต่อหลายคนนั้นเริ่มไม่ถูกกับโคบี แต่อย่างไรก็ตาม โคบีก็สามารถผ่านมันมาได้
และเขาก็พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า การที่ตนเองยืนหยัด ไม่ย่อท้อ และมีวินัยนั้น สามารถทำให้ตนเองไปต่อได้ แม้ว่าจะไม่ราบรื่นก็ตาม
“ผมเคยคิดท้อและคิดที่จะออกจากทีมเลยนะ หลายคนมักจะเอาแต่พูดในสิ่งที่ตนคิดและอยากให้เป็น แต่มันเป็นสิ่งที่ผมต้องผ่านมาให้ได้ และผมก็ทำได้” โคบีกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของเขา
จากการกลายเป็นผู้ต้องสงสัยคดีข่มขืน และการทะเลาะกับแชค รวมถึงคำก่นด่าจากแฟนๆ นั่นทำให้เขาเริ่มชีวิตใหม่ พร้อมกับเปลี่ยนเบอร์เสื้อเป็นหมายเลข 24 แทนที่หมายเลข 8 ในปี 2006
ทว่าการเปลี่ยนเบอร์เสื้อนั้นก็ไม่วายที่จะมีข้อครหา เพราะหลายคนให้ความเห็นว่า โคบีเลือกที่จะเปลี่ยนเบอร์เสื้อ เพราะหมายเลข 24 นั้นสูงกว่าหมายเลข 23 ของ ไมเคิล จอร์แดน หนึ่งในฮีโร่ของเขา
และถือเป็นหนึ่งในคนที่เขาต้องการก้าวผ่าน ซึ่งโคบีได้บอกว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระทั้งเพ “ผมเปลี่ยนเบอร์เพราะผมจะได้เริ่มต้นทุกอย่างใหม่ รูปแบบการเล่นใหม่ ชีวิตใหม่ มันก็เท่านั้น คุณอย่าไปจินตนาการอะไรมากเลย”
ฮีโร่หลายคนนั้นไม่กล้าจะเริ่มต้นใหม่หรือเปลี่ยนแปลง แต่สำหรับโคบีนั้น ตัวเขารู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตนั้นถือเป็นบทเรียนอย่างมาก
และการเริ่มต้นใหม่ของโคบีที่เจ้าตัวสื่อเป็นอันดับแรกคือ “เบอร์เสื้อหมายเลข 24 สำหรับชีวิตใหม่”
การเริ่มต้นใหม่ของโคบีนั้นเปลี่ยนทุกอย่างหมด ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการใช้ชีวิต รูปแบบการซ้อม วิธีการพูดคุยกับเพื่อนร่วมทีม โคบีให้เวลากับครอบครัวมากขึ้น โดยเฉพาะวาเนสซา ภรรยาสาวสุดสวยที่ให้โอกาสโคบี
นอกจากนั้นเขายังให้เวลากับการซ้อมที่หนักขึ้นมากกว่าปกติอีกด้วย “เขามาซ้อมก่อนทุกคนเลย ถ้าจำไม่ผิดมาก่อนตีห้า หรือหกโมงเช้าอีกนะ” จิม คลีมอนด์ ผู้ช่วยโค้ชของฟิล แจ็คสัน กล่าวถึงโคบี ไบรอันท์ ในร่างเบอร์ 24
นอกจากนั้น โคบียังใช้จิตวิทยาในการคุยกับเพื่อนร่วมทีมยุคใหม่ทั้ง เพา กาซอล, แอนดรูว์ ไบนัม, ลามาร์ โอดอม แม้กระทั่ง เมตตา เวิร์ลด์พีซ หรือชื่อเดิม รอน อาร์เทสต์ นักบาสสายลุยที่ไม่ฟังเสียงใคร แต่ทุกคนต้องฟังเสียงโคบี ซึ่งโอดอมกล่าวถึงกล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงตัวของโคบีว่า
“เขาจะมาคอยกระตุ้นผม และถามไถ่ถึงสารทุกข์สุขดิบ รวมถึงชวนผมไปกินข้าวที่บ้านบ่อยๆ จากที่ผมเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับเขามา มันเป็นอีกแบบจริงๆนะ โคบีเป็นคนที่คอยให้กำลังใจ และช่วยให้ผมผ่านสิ่งต่างๆไปได้จริงๆ”
ไม่เพียงเท่านั้น โคบียังได้ให้เวลา และให้เงินช่วยเหลือองค์กรการกุศลกับเด็กและเยาวชนหลายต่อหลายองค์กร ทั้งภาครัฐและเอกชน ไม่ว่าจะเป็นการมอบอุปกรณ์การศึกษา, การจัดตั้งมูลนิธิคุ้มครองเด็ก,
การช่วยเหลือผู้ป่วยในมหานครลอสแอนเจลิส หลายสิ่งหลายอย่างมากมาย ซึ่งถ้านับเป็นเงินแล้ว น่าจะมีมูลค่าถึงหลัก 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯเลยก็ว่าได้
การเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนทุกอย่างของฮีโร่ที่เสียภาพลักษณ์ในหลายด้าน เปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อกลับมาให้เป็นที่ยกย่องนับหน้าถือตาถือเป็นสิ่งที่ยาก แต่สำหรับโคบี ไบรอันท์ แล้วมันเป็นสิ่งที่เขายินดีที่จะทำ และต้องการทำจากใจจริง ส่วนหนึ่งเพราะโคบีเคยบอกว่า
สิ่งที่เขาทำนั้นมันเพราะเขาเห็นหน้าของลูกๆ โดยเฉพาะ จิอานนา ไบรอันท์ ลูกสาวที่รักบาสเกตบอล และพยายามจะเดินตามรอยคุณพ่อของเธอ และนั่นทำให้โคบีใช้เวลาหลังจากรีไทร์เพื่อทุ่มเทให้กับจิอานนา เพียงเพราะคำพูดของจิอานนาที่เคยบอกเขาตั้งแต่สมัยที่โคบียังเล่นบาสเกตบอลอาชีพอยู่
“เธอบอกผมว่าเธออยากจะเป็นผู้เล่น WNBA และก่อนหน้านั้นเธออยากจะเป็นนักบาสเกตบอลของมหาวิทยาลัยยูคอนน์ (มหาวิทยาลัยคอนเนคติกัต)” นั่นคือเหตุผลที่โคบีตั้งใจสอนจิอานนาและเพื่อนๆในทีมของเธออย่างไม่เหน็ดเหนื่อย
ถึงกับร่วมทุนก่อตั้ง “แมมบ้า สปอร์ต อคาเดมี่” เพื่อทำทีมให้กับลูกสาวคนนี้ รวมถึงยังสอนทักษะบาสเกตบอลแบบส่วนตัวให้กับผู้เล่น NBA ในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น คายรี เออร์วิง, เจสัน เททัม, ไคล์ คุซมา, คาวาย เลียวนาร์ด, ยานนิส อันเททูคุมโป หรืออีกหลายต่อหลายคน

แฟนพันธุ์แท้

การเสียชีวิตของโคบี ไบรอันท์ นั้น แน่นอนว่ามันสร้างความสะเทือนใจให้กับทุกๆคนทั่วโลก ทั้งในวงการกีฬาและที่ไม่ได้อยู่ในวงการกีฬา
แต่สิ่งหนึ่งที่โคบีทิ้งไว้ มันไม่ใช่คำพูดสวยหรูว่าต้องพยายาม หรือต้องมีวินัยถึงจะประสบความสำเร็จใดๆได้ แต่สิ่งที่โคบีนั้นทิ้งไว้ให้คือการกระทำของคนที่ก้าวขึ้นมาเป็น “ตำนาน” ซึ่งมันแตกต่างจาก “ฮีโร่” ทั่วๆไป
เราไม่สามารถที่จะไปบอกคนอื่นได้ว่า เราจะต้องเป็นอย่างงั้น ต้องเป็นอย่างนี้ แต่การที่เราแสดงให้ทุกๆคนเห็นผ่านการกระทำที่ดีขึ้น ยอดเยี่ยมขึ้น นั่นทำให้ผู้คนนั้นต่างให้การยอมรับนับถือ ซึ่งโคบี ไบรอันท์
ก็เป็นตำนานที่พิสูจน์ให้ทุกๆคนเห็นแล้วว่า ความผิดพลาดในชีวิตนั้นเกิดได้กับทุกคน แต่เมื่อผิดพลาด เมื่อล้มแล้ว ต้องเรียนรู้ที่จะลุก เรียนรู้ที่จะแก้ไขความผิดพลาด เพราะชีวิตมันมีขึ้นและมีลงเสมอ
“Heroes Come and Go, But Legends are Forever.”.. หลับให้สบาย “โคบี้ บีน ไบรอันท์”
ด้วยรักและเคารพ

เไม่นพลาดวงการกีฬาต่างๆๆ คลิก>>> ข่าว กีฬา

ความคิดเห็น